เว็บไซต์ไม่ปลอดภัย อันตรายแค่ไหน? และวิธีป้องกันที่ต้องรู้ในปี 2024
ในยุคที่ธุรกิจต่างพึ่งพาเว็บไซต์เป็นหน้าตาขององค์กร การมีเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยอาจส่งผลร้ายแรงต่อธุรกิจมากกว่าที่คุณคิด ไม่เพียงแต่สูญเสียข้อมูลสำคัญ แต่ยังอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์เสียหายอย่างรุนแรง วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่าเว็บไซต์ไม่ปลอดภัยคืออะไร มีสัญญาณเตือนอะไรบ้าง และจะป้องกันได้อย่างไร
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
เว็บไซต์ไม่ปลอดภัยคืออะไร?
เว็บไซต์ไม่ปลอดภัย คือเว็บไซต์ที่มีช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งอาจถูกผู้ไม่หวังดีโจมตีและเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ โดยทั่วไปมักพบปัญหาต่างๆ เช่น
- เว็บไซต์ไม่ปลอดภัยมักจะไม่มีการเข้ารหัส SSL/TLS
- มีช่องโหว่ในการเขียนโค้ด
- ระบบฐานข้อมูลไม่ปลอดภัย
- การอัพเดทระบบล่าช้า
- ไม่มีการสำรองข้อมูล
สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าเว็บไซต์ของคุณไม่ปลอดภัย
1. การแจ้งเตือนจากเบราว์เซอร์ว่าเว็บไซต์ไม่ปลอดภัย
เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์แล้วได้รับการแจ้งเตือนว่า "Connection is Not Secure" หรือ "Your connection is not private" นี่คือสัญญาณชัดเจนว่าเว็บไซต์ของคุณไม่มีการเข้ารหัส SSL ที่เหมาะสม
2. การทำงานของเว็บไซต์ผิดปกติ
- เว็บไซต์โหลดช้าผิดปกติ
- มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาโดยไม่ได้สั่ง
- ปรากฏโฆษณาแปลกๆ ที่ไม่ได้ตั้งค่าไว้
- ลิงก์ในเว็บนำไปยังเว็บไซต์ที่ไม่พึงประสงค์
3. การเข้าถึงระบบผิดปกติ
- มีการล็อกอินจากที่แปลกๆ
- มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ระบบแจ้งเตือนการพยายามเข้าถึงที่ผิดปกติ
ผลกระทบจากการมีเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย
1.สูญเสียข้อมูลสำคัญ เพราะเว็บไซต์ไม่ปลอดภัย
- ข้อมูลลูกค้ารั่วไหล: เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล ประวัติการสั่งซื้อ ซึ่งอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือขายต่อในตลาดมืด
- ข้อมูลการเงินถูกขโมย: รวมถึงข้อมูลบัตรเครดิต รายละเอียดบัญชีธนาคาร ประวัติการทำธุรกรรม ซึ่งอาจนำไปสู่การฉ้อโกงทางการเงิน
- เอกสารภายในองค์กรถูกเข้าถึง: เช่น แผนธุรกิจ สูตรการผลิต ข้อมูลพนักงาน เอกสารสัญญา ที่อาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน
2.ผลกระทบต่อธุรกิจ เพราะเว็บไซต์ไม่ปลอดภัย
- ความน่าเชื่อถือลดลง: ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจสูญเสียความเชื่อมั่น ส่งผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ในระยะยาว การกู้คืนความไว้วางใจอาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรมหาศาล
- ยอดขายตกลง: เมื่อลูกค้าทราบว่าเว็บไซต์ไม่ปลอดภัย จะลังเลในการทำธุรกรรมออนไลน์ ส่งผลให้ยอดขายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในธุรกิจ e-commerce
- ลูกค้าเลิกใช้บริการ: นอกจากลูกค้าใหม่จะไม่กล้าใช้บริการแล้ว ลูกค้าเก่าก็อาจย้ายไปใช้บริการคู่แข่งที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีกว่า
- อาจถูกฟ้องร้องจากการรั่วไหลของข้อมูล: ต้องเผชิญกับค่าปรับและค่าชดเชยจำนวนมากจากการละเมิด PDPA หรือกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีความและการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
วิธีป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้เว็บไซต์
1. ติดตั้งและอัพเดท SSL Certificate
- เลือกใช้ SSL Certificate จากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ
- ตรวจสอบวันหมดอายุและต่ออายุสม่ำเสมอ
- ใช้ HTTPS protocol ทั่วทั้งเว็บไซต์
2. อัพเดทระบบอย่างสม่ำเสมอ
- อัพเดท CMS และปลั๊กอินให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ตรวจสอบและแก้ไขช่องโหว่ที่พบ
- ติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัยอยู่เสมอ
3. สำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
- ตั้งค่าการสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
- เก็บข้อมูลสำรองไว้หลายที่
- ทดสอบการกู้คืนข้อมูลเป็นระยะ
4. ใช้บริการจากผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกใช้บริการจากบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น 1001 Click ที่มีประสบการณ์กว่า 17 ปี จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ
- มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
- ได้รับการดูแลและอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ
- มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา
เว็บไซต์ไม่ปลอดภัยเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม การลงทุนด้านความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเว็บไซต์ที่ปลอดภัย สามารถติดต่อ 1001 Click ได้ที่
- Tel: 081 116 1001
- Line ID: 1001click
- E-mail : info@1001click.com