บริการรับทำ SEO ในปี 2022 รับมือความเข้มงวดที่เพิ่มมากขึ้นของ ALGORITHM จาก GOOGLE

SEO จากอดีตสู่ปัจจุบัน

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นกระบวนทางการตลาด ที่มีผู้ให้บริการในการรับทำ SEO อยู่มากมายมาตั้งแต่อดีตสู่ปัจจุบัน และการทำ SEO นั้นมาบูมเอามาก ๆ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาสักระยะใหญ่แล้ว เมื่อผู้คนหันมาทำธุรกิจออนไลน์กันมากขึ้น การแข่งขันในตลาดแพลตฟอร์มเว็บไซต์ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้การตลาดอย่างการทำ SEO นั้น เป็นที่นิยม และทุกคนที่ทำธุรกิจผ่านเว็บไซต์ทุกคนต้องทำกัน

ข้อดีข้อแรก และข้อใหญ่ที่สุดของการทำ SEO ตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันนั้น คือเป็นแนวทางการตลาดที่ไม่เสียเงินเหมือน SEM หรือ Google Ads หรือก็คือการยิงแอดที่ใคร ๆ เรียกกัน ซึ่งหากใครเคยยิงแอดแล้วคงทราบกันดีกว่าราคาค่างวดในการยิงแอดนั้นค่อนข้างสูง และบานปลายได้ตลอดเวลา ไม่เหมาะที่จะทำในระยะยาว ทำให้การทำ SEO จึงได้รับความนิยมมากกว่ากับเว็บไซต์ที่ต้องการทำธุรกิจในระยะยาว ทั้งนี้ก็เป็นผลพลอยได้สำหรับกลุ่มบริษัทรับทำเว็บไซต์ ที่รับทำ SEO อยู่ด้วย โดยบริการรับทำ SEO นั้น สามารถทำได้ทั้งหลังสร้างเว็บไซต์ และทำไปพร้อม ๆ กับการสร้างเว็บไซต์ได้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งในการทำ SEO ซึ่งมีปัจจัยหลัก ๆ ก็คือการ Optimize website หรือทำเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเอาใจทั้ง Google และผู้ใช้งาน ทำให้การทำ SEO นั้น ก็คือการพัฒนาเว็บไซต์ไปในตัว รูปแบบการทำงาน และปัจจัยดังกล่าว ยังคงเป็นหัวใจ และเป็นช้อดีข้อใหญ่ของการทำ SEO อยู่เสมอ เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คือกระบวนยิบย่อยในการทำ SEO ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง ที่ทำให้ผู้บริการรับทำ SEO ต่างเหงื่อตกกันเป็นแถวถ้าเผลอตกเทรนด์บางอย่างไป เพราะฉะนั้น เราจะแชร์ 5 จุดสำคัญ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบห้ามพลาด กับ Algorithm จาก Google ในปี 2022 โฟกัสในปัจจัยเหล่านี้ เว็บไซต์ไม่หลุดหน้าแรกอย่างแน่นอน

1. E.A.T FACTOR

แบบแผนการทำบทความสำหรับเว็บไซต์ที่ทำ SEO นั้น ผู้ให้บริการรับทำ SEO น่าจะรู้จักกฏ E.A.T กันเป็นอย่างดี โดยในปี 2022 นี้ Google ได้ให้ความสำคัญกับหลักการนี้มากขึ้น ตามหลักการที่ว่านี้คือ

E > Expertise ความเชี่ยวชาญในเนื้อหานั้น ๆ ในส่วนนี้อาจจะยากขึ้นสำหรับเหล่าบริษัทที่รับทำ SEO เพราะจะต้องเขียนบทความให้มีความรู้จริง และดูเชี่ยวชาญมากขึ้น ทั้งนี้ก็ยังคงทำได้อยู่ แต่อาจจะต้องใช้เวลาในการรีเสิร์ชมากขึ้น หรือจ้าง Outsouce ที่มีความรู้ในส่วนนี้มาเขียนงาน

A > Authoritativeness อำนาจ หรือสิทธิ์ในเนื้อหาบทความตัวนั้น ๆ บทความจะต้องเขียนขึ้นมาเอง เป็นสิทธิ์ของเจ้าของเว็บไซต์ ห้ามคัดลอกเด็ดขาด ทั้งนี้การรีไรต์ก็สามารถช่วยเลี่ยงบาลีได้ แต่ต้องใช้การรีไรต์ที่ชำนาญมากขึ้น และต้องผสมผสานกับภาษาของตัวเองลงไปด้วย

T > Trustworthiness ความน่าเชื่อถือ และความสดใหม่ของบทความ บทความที่สดใหม่ หรือมีคนริเริ่มเขียนน้อย ก็จะได้คะแนนพิเศษจาก Google ด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ บทความที่อาจจะมีคนเขียนขึ้นมาแล้ว แต่คนที่เขียนที่หลังได้ดีกว่า ก็อาจจะได้คะแนนเทียบเท่า หรือมากกว่าด้วยเช่นกัน

2. VERBAL LANGUAGE

ใช้ภาษาพูดให้มากขึ้น เนื่องจาก Algorithm ของ Google นั้น พยายามที่จะผลักดันการทำงานประเภท Voice Search ทำให้เนื้อหาที่มีภาษาค่อนข้างเป็นภาษาพูด จะได้คะแนนจากการทำ SEO ที่มากกว่า ทั้งนี้ความหมายของการใช้ภาษาพูด จะดึงมาแค่รูปแบบไวยากรณ์ทางภาษาเพียงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผันวรรณยุกต์ตามเสียง ยกตัวอย่างเช่น แต่เดิม เราอาจจะตั้งหัวข้อบทความ หรือหัวข้อเนื้อหาภายในเว็บไซต์ว่า การทำ SEO ที่ดี เป็นเหมือนวลี หรือประโยคบอกเล่าตรง ๆ ก็อาจจะใช้เป็น การทำ SEO ที่ดี มีประโยชน์ยังไง หรืออย่างไร ก็ได้ การใช้เทคนิคตั้งหัวข้อเป็นประโยคคำถาม จะทำให้รูปแบบภาษาดูเป็นภาษาพูดมากขึ้น

3. URL เป็นภาษาอังกฤษ

แต่เดิมการทำ URL ให้เป็นภาษาไทยนั้นได้รับความนิยมในการทำ SEO เนื่องจากจะได้ในเรื่องของการสอดแทรกคีย์เวิร์ด แต่ในปัจจุบัน ผู้ให้บริการทำเว็บไซต์ และรับทำ SEO ก็จะทราบกันดีว่า URL ที่เป็นภาษาไทย อาจจะกลายเป็นภาษาต่างดาวได้ในกระบวนการแชร์ลิงก์ ทำให้ผู้รับอาจจะไม่มั่นใจที่เปิดมันขึ้นมา และ Google ก็ลดความสำคัญของเรื่องคีย์เวิร์ดใน URL ลงไปแล้วด้วย เพราะฉะนั้น การทำ URL เป็นภาษาอังกฤษ จะคงรูปเดิมในทุก ๆ ครั้งที่แชร์

4. MOBILE RESPONSIVE WEBSITE

ในปี 2022 นี้นั้น เว็บไซต์ที่จัดทำรูปแบบให้เป็น Responsive จะถูกจัดเก็บข้อมูล และมีโอกาสได้รับคะแนนพิเศษจากการทำ SEO มากขึ้น ในส่วนนี้ผู้ให้บริการรับทำเว็บไซต์ และบริการรับทำ SEO ส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะปรับตัวกันมาสักระยะแล้ว เนื่องจากทำได้ง่ายกว่า Mobile Friendly แต่ก็ปรับแต่งให้มีประสิทธิภา่พที่ดียากกว่า

5. CORE WEB VITAL

ในส่วนของ Core Web VItal อย่าง LCP FID และ CLS ก็ถูกเพิ่มลำดับความสำคัญมากขึ้นด้วยเช่นกัน เราจะขอกล่าวโดยสรุปเพราะเนื้อหาในส่วนนี้ค่อนข้างยาวเลยทีเดียว Core Web Vital จะคล้าย ๆ Page Speed แต่ Page Speed นั้นจะวัดค่าจากความเร็วของทั้งเว็บ แต่ Core Web Vital จะวัดความเร็วเป็นจุด ๆ
LCP > การดาวน์โหลดแบนเนอร์ประเภทที่ Pop-Up ขึ้นมา
FID > การโหลดหลังจากที่คลิกปุ่มต่าง ๆ ในหน้าเว็บไซต์เพื่อเชื่อมลิงก์ไปยังหน้าถัดไป
CLS > ความเสถียร ไหล่ลื่นของเว็บไซต์
โดยหากทำเว็บไซ์ให้จุดดังกล่าวดาวน์โหลดได้ไว และเสถียรมากพอ ก็จะทำให้เว็บไซต์ได้คะแนน SEO มากขึ้นด้วย

ทั้ง 5 ปัจจัยนี้ เป็นแนวทางที่ผู้ให้บริการรับทำ SEO ทั้งหลาย หรือผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ควรปรับตัว และเตรียมตัวรับมือ ปรับแต่งเว็บไซต์ให้กับลูกค้าเพื่อรองรับ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ นี่ก็ยังคงไม่ใช่องค์ความรู้ที่ตายตัวเช่นเคย เราจำเป็นจะต้องศึกษา และหาความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาของ Algorithm กันต่อไปในทุก ๆ ไตรมาส เพราะฉะนั้นหากท่านที่กำลังอ่านบทความชิ้นนี้อยู่ กำลังสนใจทีมงาน หรือบริษัทรับทำเว็บไซต์ ที่ให้บริการรับทำ SEO ควบคู่ไปด้วยอยู่ 1001 Click เราคือคนที่คุณกำลังตามหา สนใจบริการรับทำเว็บไซต์ หรือบริการรับทำ SEO สามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ 1001 Click

• สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ 081 116 1001
• Line Id : 1001click
• Email : info@1001click.com