RESPONSIVE WEBSITE วิธีที่จะทำให้เว็บไซต์เปิดได้ทุกขนาดหน้าจอ
Responsive Website คือหนึ่งในการพัฒนาเว็บเพื่อจุดประสงค์ในการเข้าถึงที่ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ Desktop อีกต่อไป ในปัจจุบันบริษัทรับทำเว็บไซต์ รวมไปถึงเหล่าผู้พัฒนาเว็บทั่วไปต่างต้องออกแบบเว็บไซต์ให้เป็น Responsive Website ด้วยกันแทบจะทั้งหมด ไม่ว่าจะเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้ใช้งาน หรือเพื่อพัฒนาศักยภาพเว็บไซต์ให้ก้าวไปอีกระดับ
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
ทำไมถึงต้องพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็น RESPONSIVE WEBSITE
สถิติการใช้งานเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ เปรียบเทียบ Desktop และ Mobile ในปัจจุบันนั้น เรียกได้ว่า Desktop ไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป เพราะผลสำรวจจะเห็นได้ว่าการเข้าถึงเว็บไซต์ผ่าน Mobile นั้นสูงถึง 57.73 % ในขณะที่การเข้าถึงเว็บไซต์ผ่าน Desktop นั้นต่ำกว่าอยู่ที่ 39.39 %
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้การทำ Responsive Website นั้น กลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ผ่าน Mobile ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มสวนใหญ่เข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้นนั่นเอง
พัฒนาเว็บไซต์ให้เป็น RESPONSIVE WEBSITE ด้วย HTML & CUSTOM MADE WEBSITE คือทางเลือกที่ง่าย และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
สำหรับการทำ Responsive Website นั้น เบื้องต้นการใช้เว็บไซต์เทมเพลต และ CSS ทั่วไปก็สามารถทำ Responsive Website ได้ด้วยเช่นกัน แต่หากเทียบกันที่ความง่าย และประสิทธิภาพที่ได้มานั้น CSS อาจจะมีปัญหา และข้อจำกัดที่มากกว่า Custom Made Website
Custom Made Website นั้น คือเว็บไซต์ที่เขียนขึ้นด้วยภาษา HTML เป็นโครงสร้างเว็บไซต์ที่มีอิสระที่สุดในรูปแบบของเว็บไซต์ทั้งหมด โดยคุณสามารถปรับแต่งขนาดองค์ประกอบต่าง ๆ ในเว็บไซต์ได้เพียงแค่ใส่ชุดโค้ดไม่กี่บรรทัด ก็สามารถครอบคลุมขนาดทั้งเว็บไซต์ให้เปลี่ยนไปตามขนาด และความละเอียดหน้าจอ (Screen size and resolution) ของอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ง่าย ๆ ในขณะที่เว็บไซต์ CSS นั้นมักจะมีข้อจำกัด และมักจะเกิดปัญหาบั๊กเล็ก ๆ น้อย ๆ กวนใจคุณเสมอ
5 ข้อที่ควรรู้ เพื่อการทำ RESPONSIVE WEBSITE อย่างมีประสิทธิภาพ
1. BREAKPOINTS
การทำความรู้จัก Breakpoints นั้น เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และสร้างโอกาสให้คุณได้รับเว็บไซต์ที่ยืดหยุ่น และส่งต่อ Content ในขนาดที่พอดีได้ให้กับทุก Device ยกตัวอย่างการทำความเข้าใจ Breakpoint นั้นคือ ในกรณีที่มือถือของผู้ใช้งาน มีจอแสดงผล (viewport) ได้ 320 px ตรงนี้คือ Breakpoints ผู้พัฒนา หรือคนเขียนโปรแกรมอาจจะกำหนดให้ 320 px นั้น มองเห็นเนื้อหาได้ 1 คอลัมป์ ในขณะที่หากเปลี่ยนเป็น Device ที่ใหญ่กว่ามีจอแสดงผลที่ 768 px จะสามารถมองเห็นได้ 3 คอลัมป์ หรือจะแสดงโฆษณาขึ้นมาในทันทีทำนองนี้เป็นต้น นี่คือการทำความเข้าใจ Breakpoints หรือการกำหนด Content สามารถต่อ Viewport แต่ละ Device นั่นเอง
2. FLUID GRID
แต่เดิมนั้น การพัฒนา Responsive Website อาจจะมีการพัฒนาภายใต้การโฟกัสไปที่ขนาดหน้าจอของ Device รุ่นฮิต ๆ เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันที่อุปกรณ์การเข้าถึงเว็บไซต์มีหลากหลายเกิน ทำให้การกำหนด px อาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป โดยการออกแบบเว็บไซต์โดย Fluid Grid นั้น จะใช้การกำหนดขนาดของการแสดงผลเป็น % หรือตอบสนองต่อขนาดฟอนต์ที่มีหน่วยเป็น em เป็นต้น
3. FLEXIBLE IMAGE
รูปภาพคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงเมื่อคุณต้องการ Responsive Website โดยการกำหนดขนาดของรูปภาพไม่ให้มีขนาดที่ตายตัว แต่จะขยาย-ลดขนามตาม Device ที่เข้าถึงนั้นคือสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้
4. RESPONSIVE FONT
ไม่เพียงแต่รูปภาพเท่านั้นที่ต้องมีวคามยืดหยุ่น (Flexible) แต่ฟอนต์ ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับการพัฒนาเว็บไซต์ Responsive ด้วยเช่นกัน หากจะให้ดีที่สุด ควรกำหนด font size เป็น % ร่วมกัย rem จะเป็นการกำหนดค่า Responsive ที่ดีกว่า px แน่นอน
5. MEDIA QUERIES
สำหรับการกำหนด Media Queries นั้น คือการกำหนดคำสั่งการแสดงผลในขนาดหน้าจอของ Device ที่แตกต่างกันออกไปภายใต้ CSS (Cascading Style Sheets) โดยการกำหนด ยกตัวอย่างเช่น
/* IF the viewport is 550px or smaller, do this */
@media (max-width: 550px) {
html { background: hsl(0 0% 0% / 0.5); }
โดยการกำหนด Media Queries สำหรับการทำ Responsive Website นั้น ควรเริ่มต้นจากหน้าจอการแสดงผลที่เล็กที่สุดเสมอ
โดยทั้งหมดนี้คือ เกณฑ์การพัฒนา Responsive Website ที่ดี ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถแสดงผล และนำเสนอ Content ได้ใน Device ทุกรูปแบบ ก่อนจากกันไปกับบทความนี้ เราจะแนะนำสิ่งที่คุณควรระวังในการทำ Responsive Website ที่ใครหลาย ๆ คนมักจะพลาดกัน
4 สิ่งที่ควรระวังในการทำ RESPONSIVE WEBSITE
1. PAGESPEED
หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่า PageSpeed นั้น คิดแยกกันจาก Desktop และ Mobile โดยหากหน้าเว็บไซต์ใช้เวลาการดาวน์โหลดที่พอผ่านเกณฑ์เมื่อเปิดบนหน้า Desktop ไม่ได้หมายความว่า PageSpeed ใน Mobile จะผ่านเกณฑ์ด้วยเช่นกัน โดยหากคุณออกแบบเว็บไซต์โดยเน้นใช้องค์ประกอบเยอะ ๆ แอนิเมชั่นมาก ๆ ภาพล้น ๆ มีโอกาสสูงที่การเปิดเว็บไซต์ผ่าน Mobile จะช้ามาก หรืออย่างแย่ที่สุดอาจจะไม่สามารถเปิดใช้งานได้เลย
ข้อแนะนำ : ออกแบบเว็บไซต์ด้วยองค์ประกอบที่ดี มีการปรับค่า Responsive ตาม 5 ข้อแนะนำเสมอ รวมไปถึงภาพประกอบควรใช้ไฟล์ Next Gen เพื่อลดภาระในการดาวน์โหลดเพื่อแสดงผลให้กับเว็บไซต์
2. MENU BAR
โดยทั่วไปแล้ว การเปิดเว็บไซต์ผ่าน Mobile นั้น จะไม่สามารถแสดงผล Menu Bar ยาว ๆ แนวนอนได้แบบในโทรศัพท์ อาจส่งผลให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงเมนู หรือหน้าเว็บไซต์ที่ต้องการได้
ข้อแนะนำ : ออกแบบเว็บไซต์โดยคำนึงถึงการเปิดใน Device อื่น ๆ เสมอ อาจจะทำการซ่อนเมนูบางอย่าง หรือปรับรูปแบบการแสดงผลเมื่อเปิดผ่าน Device อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Desktop
3. WEBSITE TESTING
ความสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้เมื่อมีการพัฒนาเว็บไซต์แบบ Responsive นั้น คือการทดสอบ เพราะในหลาย ๆ ครั้ง การแสดงผลไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ในหลาย ๆ Device ทำให้คุณอาจเสียโอกาสในการเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ไป
ข้อแนะนำ : ทำการทดสอบเว็บไซต์ “ในหลาย ๆ Device และหลาย ๆ Device Screen/Resolution เพื่อให้มั่นใจว่าเว็บไซต์จะสามารถเปิดใช้งานได้อย่างสะดวกในทุก ๆ Device จริง ๆ
4. WEBSITE DESIGN SERVICE
การเลือกบริษัทรับทำเว็บไซต์นั้น ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คุณได้เว็บไซต์แบบ Responsive ที่มีคุณภาพมากพอด้วยเช่นกัน เพราะการเขียนเว็บไซต์ด้วยที่มีความรู้น้อย หรือไม่เชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้มาก
ข้อแนะนำ : เลือกใช้บริการบริษัทรับทำเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ มีผลงาน และมีประสบการณ์ยาวนาน เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ
ถึงเวลาแล้ว ที่คุณจะต้องตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้มั่นใจว่าวสามารถเข้าถึงได้จากหลากหลาย Device อย่างแท้จริง หรืออาจจะถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องยกเครื่องใหม่ การจำกัดการแสดงผลของหน้าจอของเว็บไซต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับการจำกัดโอกาสในการพัฒนาไปด้วย เพราะฉะนั้นอย่าพลาดโอกาสที่จะพัฒนาเว็บไซต์เป็น Responsive Website
- สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาได้ที่ 081 116 1001
- Line Id : 1001click
- Email : info@1001click.com