รู้ทันหรือยัง? 10 เทคนิคแยก Phishing ออกจากอีเมลจริง ง่ายแค่ 1 นาที
Phishing คือรูปแบบการหลอกลวงทางไซเบอร์ที่ผู้ไม่หวังดีปลอมแปลงตัวเป็นองค์กรหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือ เพื่อหลอกเอาข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ โดยมักจะส่งผ่านทางอีเมลที่ดูเหมือนมาจากธนาคาร บริษัทขนาดใหญ่ หรือหน่วยงานราชการ ซึ่งหากตกเป็นเหยื่อ อาจสูญเสียทั้งเงินและข้อมูลสำคัญได้
ยาวไปอยากเลือกอ่าน
10 เทคนิคแยก Phishing ออกจากอีเมลจริง
1. สังเกตการสะกดคำและไวยากรณ์ที่ผิดพลาด อีเมล Phishing มักมีข้อผิดพลาดในการใช้ภาษา เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้เครื่องแปลภาษา โดยเฉพาะการใช้คำที่ไม่เป็นธรรมชาติ การเว้นวรรคผิด หรือการใช้ภาษาทางการปนกับภาษาพูดอย่างไม่เหมาะสม
2. ตรวจสอบที่อยู่อีเมลผู้ส่งอย่างละเอียด มักมีการสะกดที่ผิดเพี้ยนเล็กน้อย เช่น support@gmai1.com (ใช้เลข 1 แทน l) นอกจากนี้อาจมีการแทนที่ตัวอักษรที่คล้ายกัน เช่น การใช้ 0 แทน O หรือใช้ rn แทน m เป็นต้น
3. ระวังข้อความที่สร้างความเร่งด่วนเกินจริง เช่น "ต้องยืนยันภายใน 24 ชั่วโมงมิฉะนั้นบัญชีจะถูกระงับ" มิจฉาชีพมักใช้กลยุทธ์สร้างความกดดันให้ผู้รับตัดสินใจเร็ว ๆ โดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง อาจมีการข่มขู่ว่าจะสูญเสียเงินหรือบัญชีจะถูกระงับ
4. ตรวจสอบ URL ก่อนคลิกทุกครั้ง โดยนำเมาส์ไปวางที่ลิงก์เพื่อดู URL ที่แท้จริง หากต่างจากที่แสดงให้สงสัยไว้ก่อน บ่อยครั้งที่ URL จริงจะซ่อนอยู่ภายใต้ข้อความหรือปุ่มที่ดูน่าเชื่อถือ ควรสังเกตการสะกดของโดเมนให้ดี เช่น google-security.com แทน google.com
5. ดูการเข้ารหัส SSL ของเว็บไซต์ที่ลิงก์ไป ต้องมี https:// และสัญลักษณ์กุญแจล็อก แต่อย่าเพิ่งวางใจแม้จะมี HTTPS เพราะปัจจุบันเว็บ Phishing ก็สามารถใช้ SSL ได้เช่นกัน ควรตรวจสอบความถูกต้องของ URL ร่วมด้วย
6. อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวผ่านอีเมล สถาบันการเงินจะไม่ขอข้อมูลสำคัญผ่านช่องทางนี้ โดยเฉพาะรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ หากมีข้อสงสัยควรติดต่อองค์กรนั้นโดยตรงผ่านช่องทางที่เป็นทางการ
7. ระมัดระวังไฟล์แนบ โดยเฉพาะไฟล์นามสกุล .exe .scr หรือไฟล์ที่ต้องเปิดด้วย macro ไฟล์เหล่านี้อาจมีมัลแวร์แฝงอยู่ ควรสแกนไฟล์ด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสก่อนเปิดทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการเปิดไฟล์ที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับ
8. ตรวจสอบโลโก้และการออกแบบ อีเมล Phishing มักใช้ภาพที่มีคุณภาพต่ำหรือผิดเพี้ยน เช่น โลโก้เบลอ สีผิดเพี้ยน หรือการจัดวางองค์ประกอบที่ดูไม่เป็นมืออาชีพ บางครั้งอาจมีการใช้เทมเพลตเก่าหรือการออกแบบที่ไม่ทันสมัย
9. เช็คช่องทางการติดต่อให้แน่ใจ โดยเทียบกับข้อมูลบนเว็บไซต์ทางการ อย่าเชื่อเบอร์โทรหรือที่อยู่ที่ให้มาในอีเมล ควรค้นหาข้อมูลติดต่อจากแหล่งที่เชื่อถือได้โดยตรง เช่น เว็บไซต์หลักขององค์กรนั้น ๆ
10. ใช้เครื่องมือตรวจสอบ Phishing เช่น Google Safe Browsing หรือ Microsoft Defender เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยตรวจจับและแจ้งเตือนเมื่อพบลิงก์หรือเว็บไซต์ที่น่าสงสัย นอกจากนี้ควรติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีฟีเจอร์ป้องกัน Phishing ด้วย
วิธีป้องกันตัวเองจาก Phishing ในระยะยาว
การป้องกันตัวเองจาก Phishing ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มจากการตั้งค่าตัวกรองสแปมให้เข้มงวด อัพเดทซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ ใช้ Password Manager เพื่อจัดการรหัสผ่านให้ปลอดภัย และเปิดใช้งาน Two-Factor Authentication สำหรับบัญชีสำคัญทุกบัญชี
สิ่งที่ต้องทำเมื่อตกเป็นเหยื่อ Phishing
หากพบว่าตกเป็นเหยื่อ Phishing ให้รีบดำเนินการดังนี้
- เปลี่ยนรหัสผ่านทุกบัญชีที่ใช้รหัสเดียวกันทันที
- แจ้งธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรเครดิตเพื่อระงับการทำธุรกรรม
- แจ้งความที่สถานีตำรวจและเก็บหลักฐานทุกอย่างไว้
- รายงานเหตุการณ์ไปยังศูนย์ไซเบอร์ของประเทศไทย
การรู้เท่าทัน Phishing ถือเป็นทักษะสำคัญในยุคดิจิทัล การใช้เทคนิคข้างต้นจะช่วยให้คุณปลอดภัยจากภัยไซเบอร์รูปแบบนี้ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่ประมาทและคิดให้รอบคอบก่อนคลิกหรือกรอกข้อมูลใดๆ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงกว่าที่คิด
หากคุณกำลังมองหาบริษัทรับออกแบบเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับมืออาชีพ สามารถติดต่อเราได้ที่
- Tel: 081 116 1001
- Line ID: 1001click
- E-mail : info@1001click.com
และคุณอาจพบว่าการลงทุนในการทำ SEO ผ่านเอเจนซี่มืออาชีพนั้นคุ้มค่ามากกว่าที่คุณคิด!